Last updated: 26 มิ.ย. 2564 | 61213 จำนวนผู้เข้าชม |
คุณเคยซื้อเนื้อแช่แข็งและเคยประสบปัญหากับการทำอาหารหรือไม่!?
การแช่แข็งเนื้อนี้เป็น 1 ในวิธีการที่จะช่วยยืดอายุของเนื้อและไม่ทำให้เนื้อเสียง่าย เพราะการนำเนื้อแช่เย็น (Chilled Meat) ที่ปกติเมื่อแช่เย็นปกติในตู้เย็นจะอยู่ได้แค่ประมาณ 3-5 วัน แต่เมื่อนำมาแช่ในช่องแช่แข็ง หรือช่องฟรีซ ก็สามารถยืดอายุได้ถึง 4-12 เดือนเลยทีเดียว
แต่ว่ากว่าจะนำมาทำอาหารได้นี่สิ ก็ต้องรอให้น้ำแข็งละลายเสียก่อน ซึ่งมันกินเวลาเป็นชั่วโมงกว่าที่เนื้อแช่แข็งจะละลายหมด และนำมาปรุงอาหารได้ ซึ่งวันนี้ทางเรามีเคล็ดลับดีๆ ที่ทำให้ “เนื้อแช่แข็งละลายอย่างรวดเร็ว” และนำมาทำอาหารได้รวดเร็วทันใจ
มาดูกัน! เคล็ดลับ 4 วิธีการละลายเนื้อแช่แข็ง!
การละลายเนื้อแช่แข็งนั้นมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่ใช้เวลาแค่ 2 นาที ไปจนถึง 24 ชั่วโมง รวมไปถึงการนำมาปรุงอาหารเลยโดยไม่ต้องละลายก็มี แต่อย่างไรก็ตามการละลายเนื้อแต่ละแบบก็มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป
เคล็ดลับที่ 1 : ละลายในตู้เย็น
การละลายในตู้เย็น โดยแช่ไว้ที่ชั้นแช่เย็นธรรมดา1-2 องศา เป็นโซนอุณหภูมิที่ปลอดภัยต่อการแบ่งตัวของแบคทีเรีย ซึ่งเป็น 1 ในวิธีที่ถูกยอมรับว่าดีที่สุดและง่ายมากๆ แต่ว่าเราต้องวางแผนในการทำอาหารไว้ล่วงหน้า เพราะวิธีการนี้ต้องใช้เวลาละลายไม่ต่ำกว่า 1 วัน มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้อนั้นๆ
หากเราใช้วิธีการละลายในตู้เย็น จะสามารถนำเนื้อสัตว์ไปแช่อีกรอบโดยไม่ต้องปรุงสุกได้ โดยจะแช่ได้อีกประมาณ 3 วัน แต่การแช่นั้นต้องทำทันทีหลังจากละลาย ห้ามทิ้งไว้นาน (ไม่ควรวางทิ้งไว้นอกตู้เย็นเกิน 1-2 ชั่วโมง) อย่างไรก็ตามรสชาติและเนื้อสัมผัสก็อาจจะไม่ 100% เหมือนกับตอนละลายเนื้อในรอบแรก
วิธีการละลาย:
นำเนื้อสัตว์แช่แข็งย้ายมาแช่ในตู้เย็นช่องปกติ โดยให้คงไว้ในถุงซีลที่บรรจุมาไว้ หรือในกรณีที่ไม่ได้บรรจุถุงซีลมาสามารถนำมาห่อฟิล์มใหม่ได้เช่นกัน และให้วางเนื้อบนชามไว้ก่อนแช่ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหยดไปใส่อาหารอื่นในตู้ เพราะอาหารที่โดนน้ำจากเนื้อจะเสี่ยงต่อเชื้อโรคและทำให้เสียได้
เวลาที่ใช้ : 24 ชั่วโมงขึ้นไป
ข้อดี :
1. รักษารสชาติและเนื้อสัมผัสได้ดีที่สุด
2. สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้อีกประมาณ 3-4 วัน
ข้อเสีย :
1. ใช้เวลาละลายค่อนข้างนาน
2. ต้องวางแผนก่อนนำไปปรุงอาหารล่วงหน้า
เคล็ดลับที่ 2 : ละลายในน้ำเย็น
การละลายในน้ำเย็น น้ำเย็นจะช่วยถ่ายเทความร้อนจากอากาศด้านนอก และช่วยรักษาอุณหภูมิที่พื้นผิวของเนื้อไม่ให้สูงเกินไป และเป็นอีกวิธีที่ชะลออัตราการเจริญเติบโตของแบคทีเรียไปด้วยในตัว และจากเนื้อละลายก็สามารถนำเนื้อไปทำอาหารกันได้เลย!
วิธีการละลาย:
เริ่มต้นให้นำเนื้อใส่ในถุงซิปล็อกและปิดให้เรียบร้อย หรือถ้าเนื้อได้ซีลมาอยู่แล้วการสามารถใช้ได้เลย (ตรวจเช็คสภาพถุงให้ดีก่อนแช่ เพื่อไม่ให้น้ำเข้าไปในถุงได้) หลังจากนั้นนำไปแช่ในน้ำเย็น ควรหาอะไรมาวางทับด้านบน เพื่อให้ถุงอาหารจมลงไปในน้ำทั้งหมด
ทั้งนี้ระยะเวลาในการละลายเนื้อก็ขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้อด้วยเช่นกัน โดยการละลายจะใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมง และหากอยากให้เนื้อสัตว์แช่แข็งละลายเร็วยิ่งขึ้น แนะนำให้เปลี่ยนน้ำทุกๆ 30 นาที แต่จะต้องให้หมั่นเช็คโดยใช้นิ้วกดดูเรื่อยๆ ว่าเนื้อเริ่มมีความยืดหยุ่นหรือยัง ทุก 15 นาที ถ้ายังแข็งอยู่ก็ให้ทิ้งไว้ต่อไป และจะต้องคอยเปลี่ยนน้ำให้เย็นอยู่ตลอดเวลา
*ห้ามใช้น้ำร้อนในการละลายเพราะจะเป็นการทอนรสชาติของเนื้อลงไป
เวลาที่ใช้ : 1-3 ชั่วโมง
ข้อดี :
1. รักษารสชาติและเนื้อสัมผัสของอาหารได้ดี
2. ใช้เวลาในการละลายไม่นานมาก
ข้อเสีย :
1. ต้องหมั่นเช็คเรื่อยๆ ระหว่างการละลายเนื้อ
2. ต้องปรุงสุกให้หมดในครั้งเดียว
เคล็ดลับที่ 3 : ละลายด้วยก้นหม้อสแตนเลส
การละลายด้วยก้นหม้อสแตนเลส เป็นวิธีเหมาะกับเนื้อแช่แข็งที่พร้อมปรุงอาหารเลย ทำไมถึงต้องใช้เป็นหม้อสแตนเลส!? เนื่องจากหม้อสแตนเลสมีความสามารถในการนำความร้อนและความเย็นได้ดี ถ้านำมาใช้การละลายเนื้อแช่แข็งความเย็นของเนื้อจะถูกดูดและถ่ายเทไปยังหม้อสแตนเลส จึงทำให้เนื้อละลายได้เร็วมาก
วิธีการละลาย:
เริ่มต้นให้นำเนื้อแช่แข็งมาห่อด้วยฟิล์มถนอมอาหาร, แผ่นฟอยล์ หรือถ้าใส่ถุงซีลไว้อยู่แล้วสามาถใช้ในการละลายได้เลย หลังจากนั้นให้วางหม้อใบนึงคว่ำลงและหม้ออีกใบหนึ่งวางปกติ และนำเนื้อไปวางไว้ระหว่างก้นหม้อสองใบได้เลย จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 10–15 นาที หม้อสเตนเลสค่อยๆ ดูดความเย็นออกจากตัวเนื้อ ทำให้เนื้อสัตว์ละลายและนิ่มลง เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปปรุงอาหารได้แล้ว
เวลาที่ใช้ : 10-15 นาที
ข้อดี :
1. รักษารสชาติและเนื้อสัมผัสของอาหารได้ดี
2. ใช้ระยะเวลาในการละลายเนื้อน้อยมาก
ข้อเสีย :
1. ต้องปรุงสุกให้หมดในครั้งเดียว
เคล็ดลับที่ 4 : ละลายในเตาไมโครเวฟ
ละลายในเตาไมโครเวฟ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สะดวกและรวดเร็วมากๆ สำหรับในกรณีที่เร่งด่วนและต้องการทำอาหารเลยทันที เพราะการละลายเนื้อสัตว์แช่แข็งในไมโครเวฟนั้น เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายสุดๆ
โดยหากใช้วิธีนี้แล้วหลังจากละลายเนื้อต้องนำเนื้อสัตว์มาปรุงอาหารทันที เพราะเนื้อบางส่วนจะเริ่มสุก แบคทีเรียก็จะเริ่มแบ่งตัว ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่รับประทานเนื้อได้ รวมวิธีการนี้อาจทำให้ตัวเนื้อเสียรสชาติ โดยเฉพาะยิ่งเป็นเนื้อวัวด้วย อาจจะทำให้ความชุ่มฉ่ำของเนื้อวัวหายไปได้
วิธีการละลาย:
เริ่มต้นแกะเนื้อวัวแช่แข็งออกจากถุงสุญญากาศ หรือบรรจุภัณฑ์ หลังจากนั้นวางเนื้อแช่แข็งลงบนภาชนะที่สามารถใส่ในเตาไมโครเวฟได้ กดปุ่มดีฟรอสต์ (Defrost) หรือปุ่มละลายน้ำแข็ง ให้ใช้กำลังไฟต่ำ-ปานกลางที่ประมาณ 160-200 วัตต์ ตั้งเวลาประมาณ 2-3 นาที ความนานจะขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้อด้วยเช่นกัน
เราควรเปิดเช็คตัวเนื้อทุก 45 วินาที เพื่อเช็คว่าเนื้อของเราจะไม่สุกในไมโครเวฟ ระหว่างเช็คใช้นิ้วกดลงบนเนื้อดู โดยเนื้อที่ละลายเรียบร้อยแล้วจะเปลี่ยนจากแข็งเป็นนุ่ม ยืดหยุ่น เหมือนเนื้อสดทั่วไป หากกดดูแล้วนุ่มก็ให้นำออกมาทำอาหารเลยทันที
*หลังจากละลายแล้วเนื้อควรต้องยังคงความเย็นอยู่ ไม่ได้ถูกเปลี่ยนอุณหภูมิไปจนอุ่น
เวลาที่ใช้ : 2-3 นาที
ข้อดี :
1. สะดวกง่ายและรวดเร็ว
2. สามารถนำมาปรุงอาหารได้ทันที
ข้อเสีย :
1. หลังจากละลายต้องนำมาปรุงอาหารทันที
2. รสสัมผัสเนื้อที่ได้จะไม่ดี 100%
ถ้าถามว่าทาง Beef Brother แนะนำแบบไหนมากที่สุด!?
สำหรับวิธีที่เราชอบและอยากแนะนำมากที่สุดจะเป็น “เคล็ดลับที่ 1 : ละลายในตู้เย็น” เนื่องจากเป็นวิธีที่คงความสดใหม่ ทั้งรสชาติ รสสัมผัสของเนื้อได้ดีที่สุด รวมไปถึงในกรณีที่เราละลายเนื้อไว้แล้วแต่ไม่ได้นำมาทำอาหารเราก็จะยังคงสามารถนำมาเก็บในช่องแช่แข็งอีกรอบได้โดยไม่ต้องปรุงสุก รวมไปถึงคุณภาพของเนื้อยังคงใกล้เคียงก่อนละลายมากที่สุด แต่ยังไงก็ควรเช็คสภาพตัวเนื้อเราก่อนเก็บอีกทีว่าสมบูรณ์ดีอยู่หรือไม่
สรุปเรื่องการละลายเนื้อแช่แข็ง
การละลายเนื้อสัตว์แช่แข็งถ้าทำอย่างผิดวิธีอาจทำให้เนื้อสัตว์สูญเสียรสชาติและสัมผัสได้ เพราะฉะนั้นการที่ได้รู้และเลือกวิธีการละลายเนื้อแช่แข็งอย่างเหมาะสมถูกวิธีก็จะสามารถคงความสดใหม่ทั้งรสชาติและรสสัมผัสของเนื้อได้ รวมไปถึงสามารถช่วยลดเวลาไปได้เยอะอีกทั้งสะดวกมากขึ้นด้วย
สำหรับใครที่สนใจทาง Beef Brother มีจัดจำหน่ายเนื้อวัวแช่แข็ง และแช่เย็นเกรดคุณภาพที่เราคัดสรรมาอย่างดี ในราคาปลีก-ส่ง สามารถติดต่อทางเราได้เลยนะ